เมนู

ดูก่อนนางสุชาดา ภริยาของบุรุษ 7 จำพวกนี้แล เธอ
เป็นภริยาจำพวกไหน ใน 7 จำพวกนั้น.
ส. ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ขอพระ-
ผู้มีพระภคเจ้า โปรดทรงจำหม่อมฉันว่า เป็นภริยาของสามีผู้
เสมอด้วยทาสี.
จบ ภริยาสูตรที่ 10

อรรถกถาภริยาสูตรที่ 10


ภริยาสูตรที่ 10

มีวินิจฉัยดังต่อไปนี้.
บทว่า เกวฏฺโฏ มญฺฌญ มจฺเฉ วิโลเปติ ความว่า ในที่ที่ชาว-
ประมงยืนยกตะกร้าปลาลง พอยกแหอวนขึ้นจากน้ำเท่านั้น คน
จับปลาก็ส่งเสียงดังลั่น พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงหมายเอาเสียงนั้น
จึงตรัสคำนั้น. บทว่า สุชาตา ได้แก่ หญิงเป็นน้องสาวมหาอุบาสิกา
ชื่อว่าวิสาขา. บทว่า สา เนว สสฺสุํ อาทิยติ ความว่า นางสุชาดา
นั้น ไม่กระทำวัตรปฏิบัติ อันชื่อว่าวัตรอันหญิงสะใภ้จะพึงทำแก่
มารดาของสามี ทั้งไม่ยอมรับนับถือมารดาสามีว่า เป็นมารดา.
บทว่า น สสฺสุรํ อาทิยติ ความว่า นางสุชาดานั้นไม่ยอมเชื่อฟัง
แม้คำบิดาของสามี. เมื่อเป็นเช่นนี้จึงชื่อว่า นางไม่เชื่อฟัง เพราะ
นางไม่เอื้อเฟื้อบ้าง เพราะนางไม่ยอมรับบ้าง แม้ในบทที่เหลือ

ก็นัยนี้เหมือนกัน ท่านอนาถบิณฑิกเศรษฐี ถือเอามรรยาทของ
หญิงสะใภ้นั่งตรง พระพักตร์ของพระศาสดา. ด้วยประการฉะนี้.
ฝ่ายนางสุชาดานั้น คิดว่า เศรษฐีนี้จักกล่าวสรรเสริญคุณ ของเราใน
สำนักพระทสพล หรือจะกล่าวโทษ ดังนี้แล้ว ได้ไปยืนฟังเสียงใน
ที่ไม่ไกล. ลำดับนั้น พระศาสดาตรัสเรียกเธอมาตรัสว่า มานี่
สุชาดา. บทว่า อหิตานุกมฺปินี แปลว่า ผู้ไม่อนุเคราะห์ ด้วยประโยชน์
เกื้อกูล. บทว่า อญฺเญสุ ได้แก่ในชายอื่น. บทว่า อติมญฺญเต ความว่า
ย่อมทนงตัว คือ ย่อมดูหมิ่นด้วยอำนาจมานะ. บทว่า ธเนน กีตสฺส
ความเป็นผู้อันเขาซื้อมาด้วยทรัพย์ บทว่า วธาย อุสฺสุกฺกา ความว่า
พยายามจะฆ่า. บทว่า ยํ อิตฺถิยา วินฺทติ สามิโก ธนํ ความว่า สามี
ของหญิงได้ทรัพย์ใดมา. บทว่า อปฺปมฺปิสฺส อปหาตุมิจฺฉติ ความว่า
ภรรยาปรารถนาที่จะลักทรัพย์ แม้มีอยู่น้อยหนึ่งนั้น คือพยายาม
ที่จะลักทรัพย์ทีละน้อย แม้จากข้าวสาร ที่ห่อใส่ไว้ในหม้อข้า
อันยกขึ้นตั้งไว้บนเตาไฟ. บทว่า อลสา ความว่า เป็นผู้นั่งแช่
ในที่ตนนั่ง ยืนแช่ ในที่ที่ตนยืน. บทว่า ผรุสา แปลว่ากระด้าง
บทว่า ทุรตฺตวาทินี ความว่า ผู้มีปกติกล่าววาจาเป็นทุพภาษิต
วาจาชั่วหยาบ คือ กล่าวคำหยาบและกระด้างนั่นเอง. ในคำว่า
อุฏฺฐายกนํ อภิภุยฺย วตฺตติ นี้ มีวินิจฉัยต่อไปนี้ พระผู้มีพระภาคเจ้า
ตรัสถึงสามี ผู้สมบูรณ์ด้วยความเพียรเป็นเครื่องลุกขึ้น ด้วยศัพท์
อันเป็นพหุวจนะว่า อุฏฺฐายกานํ ดังนี้. ภรรยา ประพฤติกดขี่สามีผู้
สมบูรณ์ด้วยความหมั่นเพียรนั้น แล้วกระทำสามีนั้นให้อยู่ในภายใต้
อำนาจตน. บทว่า ปโมทติ ความว่า ย่อมเป็นผู้ชื่นชมปราโมทย์.

บทว่า โกเลยฺยกา ความว่า เพียบพร้อมด้วยสกุล. บทว่า ปติพฺพตา
ได้แก่ ปติเทวตา เป็นผู้มีสามีดังเทวดา. บทว่า วธทณฺฑตชฺชิตา
ความว่า ภรรยา ผู้อันสามีถือท่อนไม้. ด้วยการฆ่า กล่าวว่า
ข้าจะฆ่าเจ้าเองดังนี้. บทว่า ทาสีสมํ ความว่า นางสุชาดากราบทูล
ว่า ขอพระผู้มีพระภาคเจ้า โปรดทรงจำข้าพระองค์ว่า เป็นทาสี
ผู้บริบูรณ์ด้วยวัตรปฏิบัติสามีดังนี้ แล้วตั้งอยู่ในสรณะทั้ง 3.
จบ อรรถกถาภริยาสูตรที่ 10

11. โกธนาสูตร


[61] ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ธรรม 7 ประการนี้ เป็นความ
มุ่งหมายของตนผู้เป็นข้าศึกกัน เป็นความต้องการของคนผู้เป็น
ข้าศึกกัน ย่อมมาถึงหญิงหรือชายผู้มีความโกรธ ธรรม 7 ประการ
เป็นไฉน ก่อนภิกษุทั้งหลาย คนผู้เป็นข้าศึกกันในโลกนี้ย่อม
ปรารถนาต่อคนผู้เป็นข้าศึกกันอย่างนี้ว่า ขอให้บุคคลผู้นี้มีผิวพรรณ
ทรามเถิดหนอ ข้อนั้นเพราะเหตุไร เพราะคนผู้เป็นข้าศึกกันย่อม
ไม่ยินดีให้คนที่เป็นข้าศึกกันมีผิวพรรณงาม ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย
คนผู้โกรธ ถูกความโกรธ ครอบงำย่ำยีแล้ว แม้จะอาบน้ำ ไล้ทา
ตัดผม โกนหนวด นุ่งผ้าขาวสะอาดแล้วก็ตาม แต่ถูกความโกรธ
ครอบงำแล้ว ย่อมเป็นผู้มีผิวพรรณทราม ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย
นี้เป็นธรรมข้อที่ 1 เป็นผู้ความมุ่งหมายของคนผู้เป็นข้าศึกกัน เป็น
ความต้องการของคนผู้เป็นข้าศึกกัน ย่อมมาถึงหญิงหรือชาย
มีความโกรธ.
อีกประการหนึ่ง คนผู้เป็นข้าศึกกัน ย่อมปรารถนาต่อคน
ที่เป็นข้าศึกกันอย่างนี้ว่า ขอให้บุคคลผู้นี้พึงนอนเป็นทุกข์เถิดหนอ
ข้อนั้นเพราะเหตุไร เพราะคนผู้เป็นข้าศึกกัน ย่อมไม่ยินดีให้คนที่
เป็นข้าศึกกันอยู่สบาย ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย คนผู้โกรธ ถูกความ
โกรธครอบงำย่ำยีแล้ว แม้จะนอนบนบัลลังค์อันลาดด้วยผ้า
ขนสัตว์ ลาดด้วยผ้าขาวเนื้ออ่อน ลาดด้วยเครื่องลาดแล้วอย่างดีทำด้วย
หนังชะมด มีผ้าดาดเพดาน มีหมอนหนุนศีรษะหนุนเท้าแดงทั้งสอง